นับ1
2 3บางกอกสู่ออส-สะ-เต-เรีย
a part of my memory from AUSTRALIA
- การเดินทางวันแรก
ปิดเทอมได้2วันก็ถึงวันเดินทาง แต่โดนเปลี่ยนไฟล์ทบินตั้งแต่เช้า จากสายการบินผมทองสู่สายการบินแห่งชาติ แต่ไม่ว่าเหตุผลใดๆก็ตาม เย้!จะได้บินตรง ได้ทานอาหารไทย ได้ดูหนังที่เป็นภาษาไทย ไม่ต้องสปีคอิงลิชเวลาสั่งอาหารหรือต้องถามอะไร ด้วยความตื่นเต้นเลยถึงสนามบินมาก่อนเวลาไปเกือบ5ชั่วโมง(เพื่ออะไรกันนะพี่ชาย?) เช็คอินเรียบร้อยเดินช้อปปิ้ง(ที่จริงแล้วคือมองของไปเรื่อยๆ)รอเวลาขึ้นเครื่อง
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง แต่แล้วรันเวย์มีปัญหาต้องนั่งรถบัสออกไปก่อนเพื่อไปขึ้นเครื่อง แต่ก็เป็นประสบการณ์ใหม่เหมือนกันที่ได้นั่งรถบัสชมสนามบินในเวลาห้าทุ่มกว่า จนได้นั่งบนเครื่องแล้วรู้สึกอุ่นใจขึ้น เหมือนจะได้ก้าวเท้าออกจากกรุงเทพจริงๆแล้วหลักจากที่รอมาเนิ่นนาน ด้วยความที่ง่วงมากแต่ก็อยากดูหนังมากเก็บกดจากเปิดเทอมมานานก็ทนดูต่อไป จนถึงเวลาอาหารจึงได้ลิ้มรสพาสต้าที่อืมจืดจังแต่เวลานั่งเครื่องการรับรสจะลดลงดังนั้นทานต่อไป! ได้เวลานอนก็ได้แบบนอนหลับๆตื่นๆเพราะเครื่องบินสั่น กัปตันสั่งให้รัดเข็มขัดเป็นระยะๆ จนเครื่องลงจอดโดยสวัสดิภาพรอดแล้วเราถึงแล้วออสเตรเลีย เอ้โย่วไมค์! ถึงด่านก็ตรวจพาสสปอร์ตแอบกังวลเล็กๆเพราะขอวีซ่าออนไลน์แต่ก็ผ่านพ้นมาด้วยดี เข้าประเทศจริงๆแล้วสินะ
....สวัสดีออสเตรเลียกับ8ชั่วโมงที่เดินทางมาและเวลา3ชั่วโมงที่เร็วกว่า
- Hello
Australia
หัวทองเต็มไปหมด เห็นป้ากับลุงอยู่ไกลๆ ซึ่งข้อดีของการเป็นคนเอเชียในท่ามกลางฝรั่งคือหากันง่ายดี วันแรกจากสนามบินบริสเบนกลับไปสู่Toowoombaเมืองที่ไม่เล็กไม่ใหญ่แต่สงบและอากาศดีมาก วันแรกก็ต้องเข้าซุปเปอร์มาเก็ตซื้อของต่างๆ ได้เจอกับฝรั่งคนหนึ่งที่รับอุปการะเด็กคนไทยคนหนึ่งจากเชียงใหม่ ซึ่งเธอพูดภาษาไทยไม่ได้เพราะมาอยู่ตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่ดีที่ได้พบกัน ช็อปเสร็จก็ได้เวลากลับบ้าน บ้านของลุงกับป้าที่มีชื่อว่าลีลาวดี เฮาท์ บ้านที่ไม่ต้องพึ่งไฟฟ้าและน้ำจากภาครัฐ บ้านหลังที่มีทั้งโซลาร์เซลล์ กังหันลม เครื่องปั่นไฟ และที่เก็บน้ำเข้าคอนเซ็ปต์เศรษฐกิจพอเพียงสุดๆ
- Let's go to
the camp!
อยู่บ้านไม่กี่วันก็ได้ไปแคมป์!เราไปกันโดยรถยนตร์ที่พ่วงคาราแวนไว้ด้านหลัง ที่นี่จะนิยมคาราแวนมากๆโดยเป็นเสมือนบ้านหลังหนึ่งเวลาไปเที่ยวโดยจะพ่วงกับท้ายรถตัวเองแล้วลากไป หรือหากเป็นรถที่อยู่ด้วยกันกับบ้านเลยจะเรียกว่ามอเตอร์โฮม โดยไปแคมป์ครั้งนี้เราไปที่Sundown National Parkโดยเอาคาราแวนไปด้วยแต่มันพิเศษตรงลุงสร้างเอง เป็นคาราแวนขนาดเล็ก2x2เมตร ข้างในมีเตียง2ชั้น ห้องครัวเล็กๆ และตู้เสื้อผ้า ทางไปนั้นยากลำบากเหลือเกิน แต่มาถึงแล้วก็รู้สึกว่าการจะได้สิ่งดีๆมาถ้าไม่พยายามก็จะเอื้อมไม่ถึงมัน เหมือนอยู่ในภาพยนตร์ทไวไลท์ หรือฮังเกอร์เกมส์ ฟีลลิ่งได้มากๆ แต่น้ำในร่างกายไม่เคยปราณีใคร ห้องน้ำโอเคอยู่ไม่ไกลแต่!พอเข้าไปถึงเห้ยมันเป็นส้วมหลุม โอโหธรรมชาติไปไหน กลับมาเข้าห้องน้ำที่ไปเอาไว้สำหรับไปแคมป์ก็ได้
ตอนกลางคืนมีอีกัวน่าหรือตัวเงินตัวทองที่หลายๆคนชอบใช้เรียกแทนชื่อกันเดินผ่านแคมป์ด้วยแต่มันก็ผ่านไปด้วยดี
จนถึงวันที่สองก็ต้องออกไปเดินสักหน่อย เราเดินในอุทยานประมาณ1กิโลเมตรจึงได้หยุดและตกปลา ตกปลาครั้งแรกในชีวิตและตกไม่ได้ครั้งแรกในชีวิต และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีครั้งไหนที่ตกปลาได้ กลับมามือเปล่าแต่กำขี้ยังดีกว่ากำตดอย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์
เรากลับมาที่แคมป์เพื่อพักผ่อนและอ่านหนังสือเพลินๆก็ได้มีสัตว์ที่ยังบ่งบอกประเภทไม่ได้ขึ้นมาตามตัว เอ๊ะนี่มันคือตัวอะไร ลุงไม่รอช้าจึงขับรถไปหาเจ้าหน้าที่แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่อยู่ แต่อย่ากังวลไปกูเกิ้ลช่วยได้แต่ต้องออกไปหาสัญญาณเน็ตข้่างนอกโถ่ว เราได้ทำการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล และพบว่ามันคือลูกของTickหรือเห็บในบ้านเรานั่นเอง และเราก็ไม่รอช้าที่จะเผ่นกลับบ้านอย่างรวดเร็ว 2-3วันผ่านไปเจ้าTickที่ดูไร้พิษสงตอนเด็กโตไวเหมือนโกหกอาการคันเริ่มมา แต่พอดูใกล้ๆแล้วเห็นมันในผิวหนังกำลังดูดเลือดรู้สึกเหมือนร่างกายโดนแวมไพร์มดูดเลือด ซึ่งถึงจะเอาออกแล้วมันก็ยังฝากรอยแผลไว้เต็มT_T
- Toowoomba
Show
เป็นเหมือนงานจัดแสดงผลผลิตทางเกษตรกรรม
ผลงานทางหัตถกรรม จิตรกรรม ภาพถ่าย และผลงานอื่นๆ อีกทั้งรวมนานาสัตว์มาประกวดกันไม่ว่าจะเป็นม้า
วัว สุนัข เป็ด ไก่ นก อัลปาก้า
ทำให้ได้พบม้าตัวหนึ่งในชุดสีชมพูซึ่งชื่อจำไม่ได้เพราะออกเสียงยากมาก
เจ้าของม้าน่ารักมากๆคุยดีและเป็นมิตรมาก
จึงได้โอกาสครั้งแรกที่จะได้เล่นกับม้าในชุดสีชมพูซึ่งเจ้าของอธิบายว่าชุดนี้จะเหมือนเป็นชุดที่ช่วยนวดให้ม้าทำให้ม้ารู้สึกผ่อนคลายตอนนั้นคิดว่าเป็นอะไรที่เก๋มากๆ
ซึ่งพอเราได้บอกว่ามาจากประเทศไทยเขาเองก็ได้เล่าว่าพ่อเขานั้นเคยเป็นทหารที่เคยมาช่วยในประเทศไทย
ครอบครัวเขาทำอาหารไทยเป็นและชอบอาหารไทย ส่วนอื่นๆในงานมีการแสดง
มีเครื่องเล่น มีบูธต่างๆมาร่วมออกงาน
รวมแล้วเหมือนงานกาชาด+งานวัด+สวนสนุก+สวนสัตว์ซึ่งงานนี้จะจัดวนไปตามแต่ละเมือง
ซึ่งการจัดแบบนี้ก็เหมือนทำให้เราได้รู้จักเมืองๆนั้นมากขึ้นอีกด้วย
- บีบนมวัวครั้งแรก
นั่งรถกินลมชมวิวกำลังเพลิน
กึก ลุงจอดรถพร้อมชวนลงไปดูฟาร์มนมวัว เดินลงไปอย่างงงๆมาทำไมที่นี่
สิ่งแรกที่เห็นคือหืออออุจจาระน้องวัวเต็มพื้นเลย
ลุงคุยกับเจ้าของฟาร์มอยู่สักพักก็เรียกให้ไปบีบนมวัว อะไรนะบีบนมวัว บีบนมวัว
มอมอมอ ในใจแอบกลัวโดนเตะ แต่พอไปนั่งเพื่อจะบีบนมวัวเท่านั้นน้องวัวก็ดิ้น
และสุดท้ายฉี่! ฉี่อย่างมหึมาอย่างกับท่อน้ำแตก
รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม่ทันคิดในใจว่าไม่เอาแล้วไม่อยากทำแล้วจะกลับแล้ว
แต่ก็มิวายต้องกลับไปบีบอีกรอบ เพราะลุงบอกว่ามันเป็นgood opportunity มันgoodจริงๆใช่ไหมคะเนี่ย แต่สุดท้ายก็Well done lamb steak!ความรู้สึกที่บีบนมได้แล้วรู้สึกฟิน
มันเหมือนทำภารกิจสำเร็จ ทั้งๆที่มันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหลายๆคน
แต่สำหรับเรามันเป็นอะไรที่ใหม่มากๆและจะจำฉี่น้องวัวไปอีกนาน
- ชุดอวกาศกับการไปBee's House
ผึ้งเป็นแมลงตัวเล็กที่เหมือนมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ถึงได้กลัวตลอดเวลาที่ได้พบเจอ
แต่เพราะมันเป็นgood
opportunityที่อาจจะเป็นครั้งเดียวดังนั้นมันต้องลอง!!
ชุดอวกาศกับการไปหาน้องผึ้ง
ที่บ้านของลุงเลี้ยงผึ้งไว้โดยมีกล่องไม้ที่ใส่เฟรมไว้ข้างในเพื่อเก็บน้ำผึ้ง
ซึ่งกว่าผึ้งจะได้น้ำผึ้งมา1ช้อนชานั้นมันต้องบินไปกลับหลายรอบโดยแต่ละเฟรมที่เก็บนั้นหนักถึงเกือบ10กิโลกรัมเลยทีเดียวจึงใช้เวลานานเช่นกันในการจะเอาน้ำผึ้งแต่ละรอบ
โดยการเอาน้ำผึ้งนั้นเริ่มจากต้องใช้ควันไปล่อให้ผึ้งออกไปจากรังของมันและค่อยๆเอาเฟรมออกมาทีละชั้น
การทำงานประสบผลสำเร็จพร้อมของแถมเป็นหมัดรักจากน้องผึ้ง1หมัด
แต่ก่อนผึ้งต่อยเป็นอะไรที่อยากรู้มากๆว่าจะเป็นอย่างไรเจ็บแค่ไหนแต่จะให้ไปยืนอยู่ดีๆให้ผึ้งมาต่อยก็คงไม่ใช่เรื่องแต่ในที่สุดก็ได้สัมผัสความเจ็บปวดของการโดนผึ้งต่อยถือว่ายังระดับปานกลางแต่ขอครั้งเดียวเป็นประสบการณ์ก็เพียงพอแล้ว
ต่อจากเก็บน้ำผึ้งก็เป็นขั้นตอนของการแยกน้ำผึ้งออกจากเฟรม
โดยที่เฟรมนั้นจะมีแว๊กซ์อยู่
เราต้องแยกน้ำผึ้งจากแว๊กซ์ซึ่งใช้เวลาหลายวันอยู่เหมือนกันกว่าจะได้น้ำผึ้งมา1ถัง
น้ำผึ้งที่ผลิตจากบ้านของผึ้งจริงๆ
- ร่างกายต้องการทะเล
สิ่งหนึ่งเมื่อเราเห็นทะเลแล้วเราจะลืมมันไปนั่นคือขีดจำกัด ทะเลกว้างใหญ่จนเรารู้สึกว่าตัวเราเองเล็กเท่าเม็ดทรายยิ่งปํญหาของเราก็ยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่ NoosaในSunshine Coastเป็นทะเลอีกหนึ่งที่ที่ทำให้ตัวของเรารู้สึกตัวเราเล็กลงไปอีก เราได้ไปที่Noosa National Parkซึ่งเดินไกลพอสมควรเหมือนเดินข้ามเกาะไปสามสี่ลูกระหว่างเดินวิวข้างๆก็เป็นวิวทะเลมีจุดต่างๆให้ได้ชม ระหว่างทางมองไปมีคนมาเล่นเซิร์ฟบอร์ดเยอะพอสมควร จนเราได้เดินมาสู่ที่หมายจุดชมปลาโลมามาซึ่งเราก็มาได้ตรงเวลากับปลาโลมาจริงๆ ได้เห็นปลาโลมาอยู่ในทะเลจริงๆรู้สึกปริ่มมากเคยเห็นแต่ปลาโลมาอยู่ในสวนสัตว์กับทีวี นี่สินะทะเลแปซิฟิกที่เดินมาตั้งไกลคุ้มจริงๆ เราเดินกลับในเส้นทางเดิมกว่าจะถึงก็เล่นเอาหมดแรงเหมือนกัน และแล้วก็ถึงเวลาเล่นน้ำที่Noosa Main Beach ในความรู้สึกคิดว่าน้ำทะเลที่นี่ไม่ค่อยเหนียวตัวแล้วก็ไม่เค็มมากด้วย ฮ่าๆๆ
- กลับแล้วบ้ายบายออสซี่
อยู่มา10อาทิตย์ตอนกลับใจหายนิดๆ ขากลับได้กลับได้กลับสายการบินQantasจริงๆจังๆสักที เริ่มจากขึ้นเครื่องภายในประเทศจากบริสเบนไปซิดนีย์มีอาหารเช้าเป็นซีเรียลให้ทาน คนเต็มเครื่องดูการ์ตูนได้1เรื่องก็ถึงพอดี มาถึงซิดนีย์ก็ต้องต่อรถบัสเพื่อไปสนามบินระหว่างประเทศได้นั่งรสบัสในสนามบินอีกแล้วชอบ เดินในสนามบินได้ไม่นานก็ต้องรีบไปขึ้นเครื่อง ขึ้นเครื่องไปได้ไม่นานก็มองไปรอบๆพบว่า โหหหมีแต่สจ๊วตทั้งนั้นเลย แอร์ผู้หญิงไม่มีสักคน แต่พี่สจ๊วตน่ารักมากพูดภาษาไทยได้ด้วย เขาบอกว่าชอบอาหารไทยมากโดยเฉพาะแกงเขียวหวานกับผัดไท และก็ชอบน้ำสับปะรดปั่นมากๆเช่นกัน บนเครื่องรอบนี้สภาพอากาศภายนอกแจ่มใสไร้กังวล แต่ครั้งนี้หนังมีแต่ภาษาอังกฤษยากแก่การเข้าใจยิ่งนัก ตัดปัญหาโดยการดูการ์ตูนอย่างน้อยก็ยังเดาได้มากกว่า ฮ่าๆๆ กลับมาถึงสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย พร้อมกับอากาศประเทศไทยที่ร้อนอย่างกับเป็นเตาอบ
- เรื่องเล็กๆจากแดนจิงโจ้
-เราสามารถทักทายคนที่เราไม่รู้จัก หรืออาจจะเป็นเพื่อนว่า Good day แต่จะออกเสียงว่าG' day กิเดย์ กิดาย ก็สุดแล้วแต่สำเนียง
-คำว่าTa ท่า แปลว่าขอบคุณ สามารถใช้กับเพื่อนได้
-สำเนียงออสซี่บางทีฟังยากมาก
-เวลาเข้าห้องน้ำเห็นฝาชักโครกปิดไม่ต้องตกใจไม่ได้มีก้อนทองลอยอยู่แต่จะปิดฝาเพื่อไม่ให้มีกลิ่น
-อาหารที่พบเจอได้ทั่วไปคือFish and ship
-หากขับรถอยู่นอกเมืองอาจเจอจิงโจ้ตัดหน้าได้
-ถ้าอยู่ในกลุ่มแล้วเป็นคนชาติเดียวกันแต่มีฝรั่งนั่งอยู่ด้วย ควรพูดภาษาอังกฤษเพื่อไม่เป็นเสียมารยาท
-ชื่อเมืองหลายๆเมืองมาจากภาษาอะบอริจิน
-ไม่นิยมรถยนต์สีเงินเพราะอันตรายหากมีหมอก